เปิดจักรวาล Microsoft AI เลือกแบบไหนให้ตรงใจ
ก้าวสู่ยุค 2025 กับ Microsoft AI ที่พลิกโฉมการทำงานในองค์กร ในปี 2025 โลกของเราได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างแท้จริง องค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลาง หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดเล็ก ต่างเริ่มพึ่งพาระบบดิจิทัลในแทบทุกกระบวนการ ข้อมูลปริมาณมหาศาล (Big Data) ไหลผ่านระบบสารสนเทศอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้องค์กรต้องการเครื่องมือหรือโซลูชันที่จะเข้ามาจัดการ ข้อมูล เหล่านั้นอย่างชาญฉลาด รวดเร็ว และแม่นยำ การก้าวสู่ “องค์กรอัจฉริยะ” จึงไม่ใช่เพียงคำหรูหราทางการตลาดอีกต่อไป แต่กลายเป็นความจำเป็นที่ “ต้องมี” เพื่อความอยู่รอดและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ Microsoft ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของผู้คนและองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่เป็นหมุดหมายของ Microsoft คือเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งได้ถูกผนวกรวมเข้าไปในโซลูชันและผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการข้อมูล การสื่อสาร และการทำงานในแต่ละวันมีประสิทธิภาพเหนือชั้นยิ่งขึ้น
ทำไม AI จึงสำคัญกับองค์กรในยุค 2025
- ข้อมูลที่ท่วมท้น (Data Overload)
ยิ่งกาลเวลาผ่านไป องค์กรยิ่งเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการตลาด ข้อมูลการขาย ข้อมูลการผลิต ไปจนถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากรภายในองค์กร การจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออัจฉริยะเข้ามาช่วยวิเคราะห์และสกัดข้อมูลเชิงลึก - ความคาดหวังของลูกค้าและคู่ค้า
ลูกค้าหรือผู้เกี่ยวข้องในยุคดิจิทัล ต่างคาดหวังประสบการณ์ที่รวดเร็วและตรงตามความต้องการแบบเฉพาะบุคคล การใช้ระบบ AI จะช่วยให้กระบวนการตอบสนองเป็นไปโดยอัตโนมัติและมีความใกล้เคียงกับ “ความฉลาดของมนุษย์” มากขึ้น - แรงกดดันด้านการแข่งขัน
ตลาดโลกในหลายอุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกองค์กรต่างหาวิธีลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อชิงความได้เปรียบ เครื่องมือ AI ที่ปรับใช้ได้จริงในงาน จะกลายเป็นกุญแจสำคัญของการตัดสินใจทางกลยุทธ์
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึก “จักรวาล AI ของ Microsoft” ซึ่งเป็นค่ายเทคโนโลยีที่มีทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับ Developer (นักพัฒนา), Security (ผู้ดูแลความปลอดภัยในระบบ IT) และ Microsoft 365 (เครื่องมือสำนักงานและการทำงานร่วมกัน) พร้อมชี้ให้เห็นว่า Copilot ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้บริหารทุกท่านสามารถเลือกนำ AI แต่ละประเภทไปประยุกต์ใช้ได้ตรงความต้องการ และตรงใจในการบริหารองค์กรยุคใหม่
โครงสร้างหลักของจักรวาล Microsoft AI: 3 กลุ่มผู้ใช้งานหลัก
จากข้อมูลใน Microsoft official website ได้มีการแบ่ง “จักรวาล Microsoft AI” ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่อย่างชัดเจน เพื่อความเข้าใจง่ายและการเลือกใช้โซลูชันได้อย่างตรงจุด ดังนี้
Microsoft Developer
- Copilot in Microsoft Fabric : โซลูชัน AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ end-to-end
- GitHub Copilot : ผู้ช่วย AI ในการเขียนโค้ด
- Azure AI Foundry : แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาและปรับใช้โซลูชัน AI บน Azure
Microsoft Security
- Microsoft Security Copilot
โซลูชัน AI ที่ขับเคลื่อนการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศในองค์กร ช่วยป้องกันการบุกรุก การโจมตี และจัดการภัยคุกคามในระบบ IT
Microsoft 365
- Microsoft 365 Copilot Chat (Free) : รุ่นเบื้องต้นที่ใช้งานสนทนาและฟีเจอร์พื้นฐาน
- Microsoft 365 Copilot for business/enterprise : โซลูชันเชิงลึกสำหรับการทำงานในธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่
- Microsoft Copilot Studio : เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ปรับแต่งและประยุกต์ใช้ Copilot ให้เหมาะกับกระบวนการในองค์กร
- Microsoft 365 Copilot : สำหรับฝ่ายขาย การบริการ และการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะด้าน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า สร้างรายงานการขาย ตอบคำถามลูกค้า และวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินแบบเจาะลึก
การแบ่งหมวดหมู่ดังกล่าวทำให้ผู้บริหารสามารถ “มองภาพรวม” ได้ว่า Microsoft AI ไม่ได้มี Copilot เพียงรูปแบบเดียว แต่มีหลายเวอร์ชัน หลายผลิตภัณฑ์ ตาม “บริบท” ของการใช้งานแตกต่างกันไป ทั้งสำหรับนักพัฒนา (Developer) ที่เน้นการเขียนโปรแกรมหรือสร้างโซลูชัน AI ขึ้นมาเอง, สำหรับทีม Security ที่ต้องการ AI มาช่วยสอดส่องและปกป้องระบบขององค์กร, และสำหรับผู้ใช้ Microsoft 365 ที่ต้องการประโยชน์สูงสุดจากแอปสำนักงานที่ใช้อยู่ทุกวัน
สายนักพัฒนาระบบกับ Copilot ในกลุ่ม Microsoft Developer
หนึ่งในกลุ่ม AI สำคัญคือ Microsoft Developer ตามที่ได้กล่าวไว้ว่า ครอบคลุมโซลูชัน 3 ด้าน ได้แก่ Copilot in Microsoft Fabric, GitHub Copilot, และ Azure AI Foundry ทั้งสามผลิตภัณฑ์มีบทบาทดังนี้
1. Copilot in Microsoft Fabric
- ช่วยสร้างระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) แบบ end-to-end ในสภาพแวดล้อมที่เชื่อมโยงกัน (Unified Environment)
- รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลภายในหรือภายนอกองค์กร เพื่อแปลงข้อมูลดิบให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึก
- ช่วยเร่งกระบวนการค้นหาอินไซท์ทางธุรกิจ (Business Insights) ได้อย่างรวดเร็ว
2. GitHub Copilot
- ทำหน้าที่เป็น “AI Pair Programmer” ช่วยนักพัฒนาเขียนโค้ดได้เร็วขึ้น ลดความผิดพลาดจากการสะกดไวยากรณ์ (Syntax) และช่วยเสนอเทมเพลตหรือโค้ดบางส่วนตามบริบทที่นักพัฒนาต้องการ
- ช่วยเหลือในงานที่ต้องเขียนโค้ดซ้ำ ๆ หรือใช้ Pattern การเขียนแบบเดิมเสมอ เพื่อให้ทีมพัฒนามีเวลาไปโฟกัสกับงานออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม (Architecture) และนวัตกรรมมากขึ้น
3. Azure AI Foundry
- เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาและปรับใช้โซลูชัน AI (Deploy AI Solutions) บนระบบคลาวด์ Microsoft Azure
- เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้าง AI เฉพาะทาง (Custom AI) เช่น โมเดล Machine Learning สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลการขาย, การคาดการณ์ความต้องการสินค้า, หรือตรวจจับทุจริตทางการเงิน ฯลฯ
- มีเครื่องมือและบริการต่าง ๆ ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถปรับแต่งและบริหารจัดการโมเดล AI ได้อย่างเป็นระบบ
สำหรับ ฝ่าย IT ที่มีทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ภายใน หรือมีแผนสร้างผลิตภัณฑ์ AI ขึ้นมาเองในอนาคต กลุ่มผลิตภัณฑ์ Microsoft Developer จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับนวัตกรรมองค์กร ช่วยให้การสร้าง AI หรือ Integration ของ AI ในแอปพลิเคชันของบริษัทเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เสริมการรักษาความปลอดภัยด้วย Copilot ในกลุ่ม Microsoft Security
ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ องค์กรจึงต้องการเครื่องมือที่ช่วยตรวจจับและยับยั้งการโจมตี ก่อน ที่จะเกิดความเสียหายร้ายแรง Microsoft Security Copilot จึงเป็นโซลูชัน AI ที่มีบทบาทสำคัญ ดังนี้
- ป้องกัน (Prevention) : ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมต้องสงสัยหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า เช่น พยายามล็อกอินจาก IP แปลก ๆ, การเคลื่อนย้ายข้อมูลจำนวนมากอย่างผิดปกติ
- ตรวจจับ (Detection) : หากเกิดเหตุไม่ชอบมาพากล Copilot จะช่วยแจ้งเตือน Security Team ทันทีผ่านระบบแจ้งเตือน เพื่อให้ทีมสามารถเข้าจัดการเหตุการณ์ได้รวดเร็ว
- ตอบสนอง (Response) : Copilot จะประมวลข้อมูลเพื่อช่วยให้ทีม Security เลือกมาตรการตอบสนองที่เหมาะสม เช่น การปิดกั้นเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกโจมตี แยกระบบบางส่วนออกจากเครือข่ายหลัก
- เรียนรู้และวิเคราะห์ (Analysis) : ทุกเหตุการณ์การโจมตีจะถูกวิเคราะห์เพื่อสรุปเป็นบทเรียน นำไปปรับปรุงกระบวนการป้องกันในอนาคต Copilot จะช่วยสรุปสาระสำคัญให้อย่างรวดเร็ว
สำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเชิงรุก (Proactive Security) และต้องการลดความเสี่ยงในการโจมตีทางไซเบอร์ ก็นับว่า Microsoft Security Copilot เป็นส่วนหนึ่งที่ควรพิจารณา หากกำลังวางแผนสร้างภูมิคุ้มกันระบบ IT อย่างแข็งแกร่ง
คนทำงานออฟฟิตต้องรัก Copilot ในผลิตภัณฑ์ Microsoft 365
หลังจากทำความรู้จักโครงสร้างหลักของจักรวาล Microsoft AI แล้ว เราจะเจาะลึกกันต่อว่า “เมื่อองค์กรของคุณมี Microsoft Office 365 อยู่แล้ว การซื้อ Copilot License เพิ่มจะช่วยให้คุณใช้งานกับ App อะไรได้บ้าง” ซึ่งจากข้อมูลอัพเดตในกุมภาพันธ์ 2025 มี 13 แอปพลิเคชันที่ copilot พร้อมเข้าไปมีบทบาทแล้ว ดังนี้
- Microsoft Outlook
- Microsoft Word
- Microsoft PowerPoint
- Microsoft Teams
- Microsoft Excel
- Microsoft OneNote
- Microsoft OneDrive
- Microsoft Loop
- Microsoft Whiteboard
- Microsoft Planner
- Microsoft SharePoint
- Microsoft Stream
- Microsoft Viva
จะเห็นได้ว่า Copilot ใน Microsoft 365 ครอบคลุมการทำงานในมิติที่หลากหลาย ตั้งแต่การสื่อสารภายในองค์กร (Outlook, Teams), การสร้างเอกสาร (Word, PowerPoint, Excel), การจดบันทึก (OneNote), การจัดเก็บข้อมูล (OneDrive, SharePoint), การทำงานร่วมกัน (Loop, Whiteboard, Planner), ไปจนถึงการใช้สื่อมัลติมีเดีย (Stream) และการดูแลบุคลากร (Viva) ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืน เพื่อให้ “ผู้ใช้” ซึ่งอาจเป็นผู้บริหาร ผู้จัดการโครงการ นักวิเคราะห์ ไปจนถึงพนักงานทั่วไป สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น ลดงานซ้ำซ้อน และมีเวลาไปโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์หรือนวัตกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
เมื่อองค์กรมี Microsoft Office 365 อยู่แล้ว: “ซื้อ Copilot License” เพิ่ม ได้อะไรบ้าง
คำถามสำคัญที่ปรากฏในไฟล์แนบคือ “หากองค์กรมี Microsoft Office 365 อยู่แล้ว ควรซื้อ Copilot License เพื่อใช้งานกับแอปอะไรบ้าง?” ซึ่งคำตอบก็คือ สามารถใช้ได้กับทุกแอปหลักของ Microsoft Office 365 ตามรายละเอียดที่ได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้า (Outlook, Word, PowerPoint, Teams, Excel, OneNote, OneDrive, Loop, Whiteboard, Planner, SharePoint, Stream, Viva)
ประโยชน์ที่จับต้องได้
- ลดภาระงานซ้ำซ้อน
การใช้งาน Copilot ช่วยให้พนักงานองค์กรไม่ต้องเสียเวลาทำสิ่งที่ใช้เวลามากและเป็นงานเชิงเทคนิค เช่น จัดรูปแบบเอกสาร ตรวจสอบไวยากรณ์ เขียนสูตรคำนวณ วิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ - เสริมความแม่นยำในการประมวลผลข้อมูล
Copilot สามารถสรุปข้อมูลจากเอกสารปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้งานจึงลดโอกาสการผิดพลาดหรือการตกหล่นข้อมูลที่สำคัญได้ - เพิ่มเวลาสำหรับงานเชิงกลยุทธ์
เมื่อกระบวนการทำงานบางส่วนถูกลดทอนด้วย AI ผู้บริหารและทีมงานระดับสูงสามารถใช้เวลาไปกับการวางแผนกลยุทธ์ การสร้างนวัตกรรม หรือการติดตามแนวโน้มตลาดได้มากขึ้น - กระตุ้นการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ในองค์กร
Copilot ใน Teams, Loop, Whiteboard, Planner, SharePoint ทำให้การทำงานเป็นทีมเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้เกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือติดตามงานอย่างมีประสิทธิภาพ - ส่งเสริมวัฒนธรรมการตัดสินใจบนข้อมูล (Data-Driven Culture)
ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Copilot ใน Excel หรือใน Microsoft Fabric (สำหรับ Developer) ทำให้การตัดสินใจในองค์กรอ้างอิงจาก “ข้อมูลจริง” มากกว่าการคาดเดา
ตัวอย่างสถานการณ์การใช้งาน
- ทีมบริหารระดับสูง (Executive Management Team) : ต้องการประชุมประจำสัปดาห์ผ่าน Microsoft Teams Copilot จะช่วยสรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมครั้งก่อน และแนะนำวาระที่ควรติดตามต่อ
- ฝ่ายการตลาด (Marketing) : สร้างสไลด์นำเสนอกลยุทธ์การตลาดบน PowerPoint ให้ Copilot ช่วยจัดโครงร่างสไลด์ เลือกดีไซน์รูปภาพที่สื่อความหมาย สรุปผลสำรวจลูกค้าในรูปกราฟได้อย่างสวยงาม
- ฝ่ายการเงิน (Finance) : ใช้ Excel ในการเก็บข้อมูลรายได้รายจ่ายเป็นจำนวนมาก ให้ Copilot ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มคาดการณ์กระแสเงินสด หรือตรวจสอบการผิดปกติในตัวเลข
- ฝ่ายบริการลูกค้า (Customer Service) : ใช้ Copilot ใน Outlook เพื่อตอบอีเมลลูกค้าจำนวนมาก ช่วยสรุปคำถามและแนวทางการตอบพร้อมเนื้อหาที่เป็นมาตรฐาน
- ฝ่ายบุคคล (HR) : จัดเก็บข้อมูลพนักงานใน OneDrive ใช้ Copilot ค้นหาและสรุปผลการประเมิน ทำรายงานทักษะบุคลากร หรือติดตามเอกสารเกี่ยวกับสวัสดิการ
ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า เมื่อองค์กรมี Microsoft Office 365 อยู่แล้ว การลงทุนซื้อ Copilot License เพิ่มจึงไม่ใช่แค่การ “อัปเกรดซอฟต์แวร์” ธรรมดา แต่คือการเปิดโอกาสให้องค์กรได้ “ยกระดับประสิทธิภาพ” ในทุกมิติของการทำงานในยุคดิจิทัล
ปิดท้าย: เปิดจักรวาล Microsoft AI เลือกแบบไหนให้ตรงใจ
โลกของ Microsoft AI กว้างขวางและมีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ ตอบสนอง ต่อความต้องการในแง่มุมต่าง ๆ ของการทำงานในองค์กรยุคดิจิทัล การได้ “Copilot” ที่เหมาะสมเท่ากับได้ “ผู้ช่วยคนสำคัญ” ซึ่งทำให้ทีมงาน “ฉลาดเลือก” และ “ฉลาดใช้” AI เพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของบุคลากรและทรัพยากรข้อมูลที่องค์กรมี
สำหรับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365 อยู่แล้ว การเพิ่ม Copilot License คือทางเลือกที่ช่วยยกระดับงานประจำให้คล่องตัวขึ้น
- สำหรับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365 อยู่แล้ว การเพิ่ม Copilot License คือทางเลือกที่ช่วยยกระดับงานประจำให้คล่องตัวขึ้น
- สำหรับองค์กรที่กังวลเรื่องความปลอดภัย Microsoft Security Copilot จะเป็นเกราะป้องกัน Cyber Threats อย่างมีประสิทธิภาพ
- สำหรับผู้ที่อยากสร้างหรือต่อยอด AI เชิงลึก GitHub Copilot กับ Azure AI Foundry คือเครื่องมือที่จะเปิดโอกาสสู่ “นวัตกรรม AI” ใหม่ ๆ
ทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับยุค 2025 ที่ทุกกระบวนการทางธุรกิจต้องการความรวดเร็ว (Speed) ความชาญฉลาด (Intelligence) และการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ขั้นสูง เพื่อไม่เพียงแค่ “ตามทัน” เทคโนโลยี หากแต่ “นำหน้า” คู่แข่ง และสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
แนะนำหลักสูตร Maximizing Productivity with 4 Gen AI
สนใจสมัครอบรม/ดูรายละเอียดหลักสูตร:
https://training.m365.co.th/training-course/generative-ai/maximizing-productivity-with-4-gen-ai/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
Tel: 021198405
Line: @M365th
Email: Sales@m365.co.th
Reference :
https://adoption.microsoft.com/th-th/copilot/
https://support.microsoft.com/th-th/copilot-skilling
https://developer.microsoft.com/en-us/copilot
https://www.microsoft.com/en-us/security/business/ai-machine-learning/microsoft-security-copilot
https://learn.microsoft.com/en-us/azure/ai-studio/what-is-ai-studio